ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

เอ็กโก เผยปีนี้ผลประกอบการจะดีกว่าปีก่อน

นายกัมปนาท บำรุงกิจ รักษาการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (เอ็กโก กรุ๊ป) กล่าวในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 ว่า จากการที่ผู้ถือหุ้นมีข้อกังวลเกี่ยวผลประกอบการของบริษัทมีขาดทุน จะมีแผนในการเพิ่มกำไรให้บริษัทได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้บริษัทฯ มีแผนในการสร้างการเติบโตด้วยการเจรจาเข้าลงทุนหรือการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (COD) ซึ่งจะทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที รวมทั้งจะเพิ่มประสิทธิภาพโครงการที่มีอยู่ที่ COD แล้วให้ดีขึ้น โดยมีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างเร่งเจรจา คาดว่าจะสามารถทยอยปิดดีลได้ในปี 2567

สำหรับรายได้ปี 2567 จะมาจากโรงไฟฟ้าเดิมในพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ทำให้รายได้ในส่วนนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าใหม่กลุ่มโรงไฟฟ้าคัมแพซ เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซฯ 3 แห่ง ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ และการเข้าถือหุ้น 30% ในบริษัท พีที จันทรา ดายา อินเวสตาสิ (CDI) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งดำเนินการโครงการต่าง ๆ แล้ว จึงรับรู้รายได้ทันที

นอกจากนี้ ยังมีโครงการพลังงานหมุนเวียนของ บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (APEX) ถือหุ้น 17.46% ในปี 67 มีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 โครงการ รวม 1,035 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต 100-1,000 เมกะวัตต์ต่อปี

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่ขาดทุนสุทธิ 8,384 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในปี 2566 เกิดขึ้นเนื่องจากการรับรู้การด้านค่าสินทรัพย์จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม หยุนหลิน ที่ต้นทุนค่าก่อสร้างสูงขึ้น และโครงการต้องเลื่อนออกไป จากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับโครงการสร้างทางการเงินของโครงการนี้ใหม่ แต่ในปีนี้จะมีการเร่งการก่อสร้างโครงการนี้ให้แล้วเสร็จ ซึ่งปัจจุบันได้มีการติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generator) ในทะเลไปแล้ว 48 ต้น โดยสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว 33 ต้น คิดเป็นกำลังผลิตรวม 264 เมกะวัตต์ ซึ่งมั่นใจว่าจะติดตั้งให้ครบทั้ง 80 ต้น กำลังการผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2567-2568 มีปัจจัยที่จะมากระทบต่อผลประกอบการ คือ โรงไฟฟ้าเควซอน ในประเทศฟิลิปปินส์ จะสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในปี 2568 อยู่ระหว่างการเจรจา PPA ใหม่ โดยมีการประมาณการกระแสเงินสดอาจจะได้รับไม่เท่าสัญญาในปัจจุบันนี้ จากการที่อาจจะได้รับค่าไฟฟ้าลดลง จึงต้องมีการด้อยค่าสินทรัพย์ลงในปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีโครงการเอ็กโก โคเจน ที่จะสิ้นสุดสัญญา PPA กำลังการผลิต 140 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์โก้ จะสิ้นสุด Adder (ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า) ทำให้ต้องมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ลงอีก แต่จะไม่สูงถึง 9 พันล้านบาทเหมือนกับปีที่ผ่านมา