บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

Last updated: 20 ม.ค. 2568  |  104 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

BAFS - Thappline ลุยเชื่อมท่อน้ำมันสายเหนือ เปิดใช้ปี 69

นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร BAFS และ ประธานกรรมการ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) โดยมี ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และคณะผู้บริหารให้เกียรติร่วมพิธีฯ

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) บริษัทในเครือกลุ่มบริษัท บาฟส์ (BAFS Group) ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้ดิน พร้อมเริ่มการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) ในไตรมาสที่ 1/2568 ตั้งเป้าเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2569 โดยเริ่มรับน้ำมันจากคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เชื่อมต่อกับระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 บริเวณจังหวัดอ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ระบบท่อขนส่งน้ำมันของ BPT มีระยะทางรวม 726 กิโลเมตร นับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศ และเป็นระบบท่อส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในอาเซียน

ทั้งนี้ โครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 สระบุรี-อ่างทอง ถือเป็นก้าวสำคัญของ บริษัทฯ ในการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันของประเทศให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์ สอดรับกับทิศทางและนโยบายของกระทรวงพลังงานที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งพลังงานของประเทศ โดยคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปาง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในด้านการเก็บสำรองน้ำมันของภาคเหนือ และเป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นภาคตะวันออกอีก 5 โรงกลั่น ลดความเหลื่อมล้ำของราคาน้ำมันระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพมหานครรวมถึงปริมณฑล อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งน้ำมันของประเทศ ให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ได้น้ำมันที่มีคุณภาพ สะอาด บริสุทธิ์ และมีการสูญเสียน้ำมันจากการขนส่งน้อยที่สุด ลดต้นทุนจากการขนส่งและการจัดเก็บน้ำมัน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการบริการ อีกทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำของไทยในอนาคต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 50,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ 5.2 ล้านต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้