บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด

Last updated: 12 มี.ค. 2568  |  93 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด

จากคาร์บอนสู่คุณค่า นวัตกรรมจุลสาหร่ายบำบัดก๊าซเรือนกระจกโดย โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และ Algal Bio

ในยุคที่วิกฤตสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบต่อโลกอย่างเห็นได้ชัด ทั้งอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น และผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม ภาคธุรกิจไทยกำลังแสดงบทบาทสำคัญในการร่วมแก้ไขปัญหานี้ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการล่าสุดที่น่าจับตามองระหว่างบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด หรือ โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP Power Limited) และ บริษัท Algal Bio จากประเทศญี่ปุ่น

เปลี่ยนของเสียให้เป็นทรัพยากรด้วยพลังแห่งจุลสาหร่าย
ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ได้มีพิธีลงนามความร่วมมือโครงการนำร่องที่มีชื่อว่า "Microalgae CCUS" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Thailand-Japan Sustainable Business Forum 2025 ที่จัดโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สำนักงานกรุงเทพฯ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสำนักงานคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EECO) ซึ่งโครงการนี้ ได้รับทุนสนับสนุนจาก METI Global South Grant Program โดย METI หรือ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น (Ministry of Economy, Trade and Industry) เป็นผู้ให้ทุนหลักและออกค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของโครงการนี้

แต่ "Microalgae CCUS" คืออะไร? และทำไมโครงการนี้ถึงสำคัญต่ออนาคตด้านสิ่งแวดล้อมของไทย?
CCUS ย่อมาจาก Carbon Capture, Utilization and Storage หรือการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ โดยโครงการนี้มีความพิเศษตรงที่ใช้จุลสาหร่ายในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแยกคาร์บอนแบบดั้งเดิมที่มีต้นทุนสูง

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพีกับบทบาทการลดคาร์บอนในภาคพลังงานไทย
โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานชั้นนำของไทยที่กำลังเดินหน้าโครงการลดคาร์บอนหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมาย Carbon Neutrality ทั้งโครงการเผาไหม้ร่วมด้วยแอมโมเนียและชีวมวล โครงการดักจับและใช้ประโยชน์คาร์บอน (CCU) รวมถึงโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS)
โครงการ Microalgae CCUS นี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนงาน CCU โดยใช้นวัตกรรมการดักจับคาร์บอนด้วยวิธีทางชีวภาพผ่านจุลสาหร่าย ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังสามารถนำชีวมวลจากจุลสาหร่ายไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น เชื้อเพลิงชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารสัตว์ และเครื่องสำอาง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

Algal Bio ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลสาหร่ายระดับโลก
อีกคนสำคัญในโครงการนี้คือ Algal Bio จากประเทศญี่ปุ่น บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านจุลสาหร่ายโดยเฉพาะ ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 โดยพัฒนาองค์ความรู้จากงานวิจัยกว่า 20 ปีที่มหาวิทยาลัยโตเกียว และครอบครองคลังสายพันธุ์จุลสาหร่ายถึง 100 สายพันธุ์ 1,260 สายพันธุ์ย่อย พร้อมด้วยประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับวิธีการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสม
Algal Bio เคยประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการทดสอบแนวคิด CCUS ในญี่ปุ่นระหว่างปี 2565-2567 ร่วมกับบริษัทไฟฟ้าคันไซ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก NEDO องค์กรพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น และนำประสบการณ์ดังกล่าวมาต่อยอดในประเทศไทย

ทำไมต้องใช้จุลสาหร่าย?
จุลสาหร่ายมีข้อได้เปรียบหลายประการในการดักจับคาร์บอน
1. ประสิทธิภาพสูง: จุลสาหร่ายสามารถดูดซับก๊าซไอเสีย (CO₂) ได้โดยตรงจากแหล่งกำเนิด โดยไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการดักจับแบบซับซ้อนและมีต้นทุนสูง
2. ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม: ชีวมวลที่ได้จากจุลสาหร่ายเป็นส่วนผสมที่มาจากพืช มีการใช้งานที่หลากหลาย สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงได้
3. ต้นทุนต่ำ: เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น DAC (Direct Air Capture) หรือการผลิตทางชีวเคมี การใช้จุลสาหร่ายมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำกว่า
4. เศรษฐกิจหมุนเวียน: สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียว ที่นำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการ Microalgae CCUS มีวัตถุประสงค์หลักในการทดสอบแนวคิดการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการเพาะเลี้ยงจุลสาหร่าย พร้อมนำชีวมวลที่ได้ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ โดยมุ่งสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนสีเขียวตามแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลไทย
จากแผนการดำเนินงานของโครงการนี้ เริ่มต้นด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ในช่วงกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ขั้นต่อไปจะเป็นการทดสอบการเพาะเลี้ยงและทดสอบความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์จนถึงธันวาคม 2568 ก่อนที่จะมีการประเมินการขยายขนาดตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป โดยค่าใช้จ่ายของโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมทุน METI Global South ปี 2568 ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสำคัญของโครงการในระดับนานาชาติ

ประโยชน์ต่อประเทศไทย
นอกจากการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการผลิตส่วนผสมใหม่จากชีวมวลสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี CCUS ในภูมิภาคนี้ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไทยในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจยั่งยืนของอาเซียน เสริมความแข็งแกร่งให้กับนโยบาย BCG Economy และการมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในระยะยาว

ด้วยนวัตกรรมการใช้จุลสาหร่ายดักจับคาร์บอน โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และ Algal Bio กำลังแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องเป็นภาระทางเศรษฐกิจ แต่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่ยั่งยืนได้ โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่สมดุลทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมหรือ ESG อีกทั้งยังเป็นไปตามแนวทาง BCG Economy ที่ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปอีกด้วย

บีแอลซีพี มุ่งพัฒนาพลังงานที่มั่นคง เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้