กรมธุรกิจพลังงาน

การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ม.ค.-มี.ค.63 ลดลง 7.5%

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 3 เดือน ของปี 2563 (มกราคม – มีนาคม) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.5% โดยกลุ่มน้ำมันเบนซิน ลดลง 2.3% กลุ่มดีเซล ลดลง 2.9% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 17.4% ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ลดลง 11.7% และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ลดลง 17%

โดยมีสาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยมีมาตรการ Lock down ส่งผลให้เศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่แล้วในช่วงปลายปี 2562 ยิ่งส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

โดยการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.1 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 2.3% แบ่งเป็น กลุ่มแก๊สโซฮอล์มีการใช้เฉลี่ยน 30.3 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 1.6% น้ำมันเบนซินมีการใช้เฉลี่ย 0.8 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 21.8%

หากดูการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี20 มีการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 6.5 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.8% เนื่องจากมีราคาถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เฉลี่ย 3.01 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 มีการใช้เฉลี่ย 14 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.5% เนื่องจากแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 มีราคาใกล้เคียงกันโดยมีส่วนต่างเพียง 0.27 บาท/ลิตร ทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงกว่า ขณะที่แก๊สโซฮอล์ 91 มีการใช้เฉลี่ย 8.7 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 9.7% และแก๊สโซฮอล์ อี85 มีการใช้เฉลี่ย 1.1 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 11.4%

การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเฉลี่ย 67.6 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 2.9% โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี7 มีการใช้เฉลี่ย 51.5 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 22.2% บี10 มีการใช้เฉลี่ย 6.4 ล้านลิตรต่อวัน (เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และ บี20 มีการใช้เฉลี่ย 6.7 ล้านลิตรต่อวัน (เริ่มจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561)

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ย 17.7 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 17.4% เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างมาก หลายสายการบินประกาศหยุดให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2563

การใช้ LPG เฉลี่ย 16 ล้านกิโลกรัม (กก.) ต่อวัน ลดลง 11.7% โดยปริมาณการใช้ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด อยู่ที่ 2.4 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลง 18.8% ภาคปิโตรเคมี 6 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลง 17.9% ภาคอุตสาหกรรม 1.8 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลง 3.1% และภาคครัวเรือน 5.7 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลง 3%

การใช้ NGV เฉลี่ย 4.8 ล้าน กก.ต่อวัน ลดลง 17% เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมัน บี20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนและรถโดยสารหันไปใช้ บี20 ทดแทน

ส่วนการนำน้ำมันดิบเฉลี่ย 928,923 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 6.5% คิดเป็นมูลค่า 55,062 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเวลาการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ทำให้ต้องลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเข้ากลั่นลง สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 33,901 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 57.6% คิดเป็นมูลค่า 1,978 ล้านบาทต่อเดือน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 180,601 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 0.6% คิดเป็นมูลค่า 10,373 ล้านบาทต่อเดือน