Last updated: 5 พ.ย. 2567 | 1106 จำนวนผู้เข้าชม |
ซีเค พาวเวอร์ เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
มุ่งสู่ CKP NET ZERO 2050
“เราคือหนึ่งในผู้บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราทุ่มเทตั้งใจที่จะทำให้ ซีเค พาวเวอร์ เป็นบริษัทที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และกำลังเดินหน้าเพื่อให้บรรลุยังเป้าหมายดังกล่าว โดยมีผลการดำเนินงานที่สามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง”
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเค พาวเวอร์
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2566 ด้านการจัดการพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บริษัทปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.0691 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh) ซึ่งต่ำกว่าค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Thailand Grid) ที่ 0.4999 tCO2e/MWh ถึง 86% และในครึ่งปีแรกของปี 2567 ต่ำกว่า 83% ทั้งนี้ คาดการณ์ตลอดปี 2567 ต่ำกว่าค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศถึง 87%
Infographic สรุปผลการดำเนินการการจัดการพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดปี 2023 และครึ่งปีแรก 2024
บริษัทฯ มีการพัฒนานวัตกรรมด้านการลดการใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดการดำเนินงานในปี 2566 สามารถลดการใช้พลังงานทั้งหมด 5,101 MWh (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,051 tCO2e) หรือหากเทียบกับโครงการกรุงเทพปิดไฟ (Earth Hour 2024) 1 ชั่วโมง เท่ากับ 186 ชั่วโมง และช่วง 6 เดือนแรกในปี 2567 บริษัทลดการใช้พลังงานได้ถึง 2,883 MWh (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1,313 tCO2e) หรือหากเทียบกับโครงการกรุงเทพปิดไฟ 1 ชั่วโมง เท่ากับ 119 ชั่วโมง นับเป็นส่วนสำคัญในภาคการผลิตไฟฟ้าที่ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเค พาวเวอร์ กล่าวว่า เรามีความมุ่งมั่นในการเดินหน้าสู่เป้าหมายตามแผนงาน CKP NET ZERO EMISSIONS 2050 เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยการดำเนินงานที่สำคัญที่ทำให้ ซีเค พาวเวอร์ บรรลุเป้าหมาย คือ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตไฟฟ้า บริษัทได้วางแผนระยะยาวโดยมุ่งเน้นขยายการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การศึกษาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนผสมก๊าซธรรมชาติในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของไทยตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567 - 2580 (PDP2024) และ 6 เดือนแรกในปี 2567 บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าเป้าหมาย 0.86% นอกจากการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าแล้ว บริษัทได้มีการปรับใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรเพิ่มขึ้น เช่น การเปลี่ยนมาใช้รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและรถไฮบริดในการขนส่งภายในสำนักงานและโรงไฟฟ้าในเครือฯ
“เมื่อสองปีที่ผ่านมา ซีเค พาวเวอร์ ได้มีการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เรามีกำลังการผลิตติดตั้งจากพลังงานหมุนเวียนที่ 89% วันนี้ เราสามารถเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 93% รวมถึงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดส่งให้กับประเทศไทยประมาณ 8.5 ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง หรือประมาณ 17% ของไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่ใช้ในประเทศไทย ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ ช่วยหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงประมาณ 4.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า” นายธนวัฒน์ กล่าวตอนท้าย
“ซีเค พาวเวอร์ – พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”
พนักงานเป็นส่วนหนึ่งของโครงการด้านการลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของบริษัท
เกี่ยวกับ
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower ได้รับการประเมินจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ได้ SET ESG Ratings ที่ระดับ “AAA” ซึ่งเป็นเรตติ้งระดับสูงสุด เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่างๆ 3 ประเภท จำนวน 18 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 3,640 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย
(1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 3 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้า น้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 46%
(ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ภายใต้ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 42.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ภายใต้ บริษัท หลวงพระบางพาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 50.0% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 เมกะวัตต์
(2) โรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์
(3) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 13 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% จำนวน 11 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 28 เมกะวัตต์ ภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์
กลยุทธ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ มีรายละเอียดและแผนการดำเนินงานระยะยาว ดังนี้
• ลดการใช้พลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก – มีโครงการลดการใช้พลังงานในทุกหน่วยงาน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในแผนระยะยาว มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
• เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการใช้พลังงานในการผลิตไฟฟ้า – จัดทำโครงการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า โดยในแผนระยะยาวมุ่งการขยายการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การศึกษาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนผสมก๊าซธรรมชาติ สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของไทยตามร่างแผน PDP 2024
• เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน – จากแผนระยะยาว บริษัทมุ่งเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 95% ภายในปี 2586
• เพิ่มการใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในองค์กร – บริษัทมุ่งมั่นเพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดภายในองค์กร 100% ตามแผนงานระยะยาว รวมถึงการใช้ใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่คงเหลือ ภายในปี 2586
• เพิ่มโอกาสทางธุรกิจเพื่อขยายการลงทุนสีเขียวให้กับองค์กร – ในแผนระยะยาวบริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับประยุกต์ใช้กลไกการกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร (Internal Carbon Pricing) และขยายธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียนที่ทันสมัยระดับโลก
11 พ.ย. 2567
18 พ.ย. 2567
18 พ.ย. 2567
14 พ.ย. 2567